fbpx
skip to Main Content

 

What is TOEFL?

TOEFL ย่อมาจาก Test of English as a Foreign Language ข้อสอบวัดผลภาษาอังกฤษอีกประเภทที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก โดยเฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือ มหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาล้วนแต่ใช้คะแนน TOEFL เป็นเกณฑ์ในการรับสมัคร ปัจจุบัน ข้อสอบ TOEFL มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิดคือ

  • TOEFL iBT test (Internet-based test หรือข้อสอบแบบทำผ่าน Internet)
  • TOEFL PBT (Paper-based test หรือข้อสอบทำบนกระดาษ)

ลักษณะข้อสอบ TOEFL

ข้อสอบ TOEFLวัดระดับภาษาอังกฤษทั้ง 4 ทักษะ ได้แก่ การฟัง พูด อ่าน และเขียน โดยมีเวลาจำกัดภายใน 4.5 ชั่วโมง

TOEFL iBT Test Sections

Section Time Limit Questions Tasks
Reading* 60–100 minutes 36–70 questions Read 3–5 passages from academic texts and answer questions.
อ่าน 3-5 บทความจากเอกสารวิชาการและตอบคำถาม
Listening 60–90 minutes 34–51 questions Listen to lectures, classroom discussions and conversations, then answer questions.
ฟังบทเรียน หรือบทสนทนาจากห้องเรียน และตอบคำถาม
Break 10 minutes
Speaking 20 minutes 6 tasks Express an opinion on a familiar topic; speak based on reading and listening tasks.
แสดงความเห็นในหัวข้อที่เกี่ยวเนื่องกับบทความที่อ่าน และสิ่งที่ฟัง
Writing 50 minutes 2 tasks Write essay responses based on reading and listening tasks; support an opinion in writing.
เขียนเรียงความตอบเรื่องหรือบทความทีอ่าน และฟังแสดงความคิดเห็นผ่านการเขียน

การลงทะเบียนสอบ

ท่านสามารถลงทะเบียนขอสอบ IELTS โดยผ่าน website ของ ETS ซึ่งเป็นหน่วยงานจัดสอบ TOEFL  www.ets.org

GMAT – Graduate Management Admission Test

GMAT เป็นข้อสอบแบบปรนัย (Multiple-Choice) ใช้สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครเพื่อเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา ด้านธุรกิจและบริหาร ซึ่งเป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงด้านการพัฒนาการสอบแบบคอมพิวเตอร์ เป็นผู้พัฒนาการสอบ GMAT และ Pearson VUE ซึ่งเป็นผู้นำในระดับโลกด้านการบริหารจัดการ การสอบแบบที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นผู้ดำเนินการสอบปัจจุบันการสอบ GMAT ทำได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีศูนย์สอบนอกสหรัฐอเมริกามากขึ้น นอกจากนี้ ผู้สอบทุกท่านจะสามารถเลือกลงทะเบียนสอบ GMAT ได้ทั้งในแบบ online หรือทางโทรศัพท์ โดยผู้สอบสามารถลงทะเบียนสอบ GMAT ที่ดำเนินการโดย Pearson VUE ได้

โครงสร้างของข้อสอบ

GMAT มีรูปแบบของการสอบเป็นแบบ Computer-Adaptive Test (CAT) และประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ:

  • Analytical Writing Assessment : เป็นการเขียน essay 2 บทความ บทความละ 30 นาที ซึ่งต้องทำด้วยคอมพิวเตอร์เท่านั้น
  • Quantitative Section: 75 นาที 37 คำถาม ใน 2 รูปแบบคือ Data Sufficiency และ Problem Solving
  • Verbal Section: 75 นาที 41 คำถามใน 3 รูปแบบคือ Reading Comprehension, Critical Reasoning และ Sentence Correction

ผลสอบ GMAT

ผลสอบ GMAT จะประกอบไปด้วยตัวเลขต่างๆ หลายส่วน ตัวเลขที่ใช้อ้างอิงส่วนใหญ่คือผลคะแนนรวม ซึ่งจะอยู่ในช่วง 200-800 ซึ่งเป็นคะแนนในส่วนของ Math และ Verbal คะแนนในส่วนของ Verbal และ Math จะได้รับการจัดคะแนนแยกจากกัน โดยคะแนนจะอยู่ในช่วง 0 – 60 สำหรับแต่ละส่วน ในส่วนของการเขียนบทความหรือ Analytical Writing Assessment (AWA) จะมีช่วงคะแนน 0-6 โดยในข้อสอบ จะมีบทความ 2 บทความ ซึ่งแต่ละบทความ จะได้รับการประเมินผลจาก 2 ฝ่าย อย่างไรก็ดี คะแนนในส่วนของ AWA จะไม่ได้นำเข้าไปรวมกับคะแนนรวม

GRE คืออะไร?

GRE ย่อมาจาก Graduate Record Examination ใช้เพื่อการสมัครเรียนต่อระดับปริญญาโท และปริญญาเอก (ยกเว้น Business School ที่ต้องสอบ GMAT) ในมหาวิทยาลัยของประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ข้อสอบ GRE ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ Quantitative, Analytical,Verbal และ อีกส่วนหนึ่งที่สอบแยกต่างหากคือ การเขียน essay ที่เรียกว่า Writing Assessment. ในประเทศไทย ปัจจุบันได้เปลี่ยนรูปแบบการสอบ มาเป็นแบบ Computer Adaptive Test(CAT) ซึ่งสามารถสมัครสอบได้ กว่า 20 วัน ในแต่ละเดือน และรู้ผลสอบได้อย่างรวดเร็ว

การสอบ GRE มีอยู่ 2 รูปแบบ คือ การสอบทั่วไป(General Test ) และการสอบเฉพาะวิชาสาขา (Subject Test) ในวิชาต่างๆ 16 สาขา การสอบทั่วไป(General Test ) เป็นการสอบ เพื่อวัดทักษะของผู้สอบที่มีอยู่ โดยวัดออกมา ในรูปของคะแนนของความสามารถทางภาษา คำนวณ และความสามรถ ในเชิงวิเคราะห์ การสอบใช้เวลา 3 ชั่วโมง 30 นาที

ลักษณะข้อสอบ

  • Quantitative Section (คำถามคณิตศาสตร์) 28 คำถาม 45 นาที
  • Verbal Section (Sentence Completion, Antonym, Reading Comprehension) 30 คำถาม 30 นาที
  • Analytical Reasoning (Logic Games and Logical Reasoning) 60 นาที 35 คำถาม

Essay Questions (Writing Assessment):

GRE เพิ่งนำการสอบแบบ Writing Assessment เมื่อเดือนตุลาคม 1999 การสอบนี้จะสอบต่างวันจากการสอบอื่นๆ ในแต่ละคณะจะต้องการข้อเขียนที่แตกต่างกันไป จึงต้องเลือกว่า จะสอบเพื่อนำไปใช้เรียนต่อ ในสาขาวิชาใด เพื่อจะได้ ทำข้อสอบให้ตรงกับความต้องการของสาขาวิชานั้นๆ ในการสอบแบบนี้จะมี อยู่สองคำถาม ให้ทำ โดย บทความแรกจะเป็นการให้เราออกความเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน ซึ่งใช้เวลาสี่สิบห้านาที ส่วนที่สองนั้น จะให้เราวิเคราะห์ ความเป็นเหตุและผลในข้อเขียนที่อ่าน เป็นเวลา สามสิบนาที

GRE เป็นการทดสอบเพื่อที่จะวัด ทักษะ 4 ด้านด้วยกันคือ

  1. ความอดทนและความตั้งใจจดจ่อ เพราะการทำข้อสอบใช้เวลาทั้งหมด สามชั่วโมง ฉะนั้นอาจทำให้เกิด ความเมื่อยล้าทั้งทางกายและใจ ฉะนั้นผู้เข้าสอบ ควรเตรียมตัวให้พร้อม
  2. ความสามารถในการอ่านจับใจความ คณิตศาสตร์ ความสามารถในการหาข้อสรุปทั้งด้วยวิธีอุปมาน นั่นคือ หาข้อสรุปจากข้อมูลทั่วไปที่มีให้ และ วิธีอนุมาน นั่นคือ หาข้อสรุปด้วยการคาดคะเน จากสิ่งที่เรารู้อยู่แล้ว ในการสอบนี้จะไม่ได้รับให้นำเครื่องคิดเลขเข้าห้องสอบจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ จะฝึกซ้อมทักษะในการคำนวณให้รวดเร็วและแม่นยำ
  3. ทักษะในการสอบ วัดความสามารถในการคาดคะเน ใช้เวลาในการตัดสินใจไม่มากไม่น้อยจนเกินไปและ สามารถตัดสินใจภายใต้ความกดดัน
  4. ความสามารถในการแก้ปัญหา

การคิดคะแนน GRE และ Graduate Schools

ผู้เข้าสอบจะได้รับผลคะแนน สำหรับ GRE CAT อยู่ 3 ประเภท คือ

  • Quantitative คะแนนจะอยู่ระหว่าง 200ถึง 800 ในส่วนนี้จะเป็นคำถามคณิตศาสตร์
  • Verbal คะแนนจะอยู่ระหว่าง 200 ถึง 800 จะเป็นการอ่านจับใจความ คำตรงข้าม และ การเติมคำในช่องว่าง
  • Analytical คะแนนจะอยู่ระหว่าง 200 ถึง 800จะเป็นคำถามพวกโลจิกเกม และ การให้เหตุผลโต้แย้ง

นอกเหนือจากนี้ ในส่วนของ Writing Assessment จะมีการประเมินผลอยู่ในระดับ 0 ถึง 6 คะแนนส่วนนี้ไม่ค่อยมีความสำคัญมากนักเมื่อเทียบกับสามส่วนแรก และมีมหาวิทยาลัยบางแห่ง เท่านั้น ที่ต้องการผล Writing Assessment ผลสอบนี้จะมีการให้เกรดโดยการคิดแบบเปอร์เซ็นต์ไทล์ ยกตัวอย่างเช่น คะแนน รวม 630 ตรงกับเปอร์เซ็นต์ไทล์ ที่ 90 หมายความว่า มีผู้เข้าสอบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ที่ได้คะแนนต่ำกว่าหรือเท่ากับ 630

ใช้ GRE ทำอะไรได้บ้าง

ความสำคัญของ คะแนน GRE จะเป็นตัวชี้ว่าเราสามารถสมัครเข้าสาขาอะไรได้บ้าง และมหาวิทยาลัยไหนได้ เพราะแต่ละที่แต่ละแห่งกำหนดคะแนน ไว้แตกต่างกัน โดยจะกำหนดคะแนน
ต่ำสุดที่ควรจะได้เอาไว้ โดยเฉพาะโปรแกรมที่มีการแข่งขันสูง ก็จะตั้งคะแนน GRE ไว้ค่อนข้างสูง ทั่วไปแล้ว Grad School ต้องการคะแนนที่อยู่ในช่วง 600 ถึง 2400 ซึ่งเป็นคะแนนรวมของ ทั้งสามส่วน แต่บางแห่ง ก็ต้องการเพียงสองส่วนเท่านั้น ซึ่งคะแนนรวม ก็จะอยู่ในช่วง สี่ร้อย ถึง หนึ่งพันหกร้อย สำหรับ Technical grad program จะต้องการคะแนนในส่วน Quanitative ค่อนข้างสูง ส่วนด้าน จิตวิทยานั้น จะเน้นไปในด้าน Anaytical

GRE CAT แบบใหม่

ปัจจุบัน GRE เปลี่ยนมาสอบโดยใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการทำแบบทดสอบเพียงแบบเดียว การทำงานวิธีนี้คือ แทนที่จะมีคำถามที่ยาก ง่าย คละกันในข้อสอบฉบับเดียว ว่าควรยากง่ายในระดับต่างๆ ดังที่กำหนดมานี้ ก็เปลี่ยนเป็นให้ คอมพิวเตอร์ เลือกคำถามต่อไปให้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าผู้สอบ ทำข้อสอบได้ดีขนาดไหน คำถามแรกจะเป็นมีความยากระดับ กลาง โดย คำถามจะมี ระดับความยากง่ายประมาณห้าร้อย ซึ่ง เป็นระดับที่อยู่ระหว่าง สองร้อย ถึง แปดร้อย ถ้าหากว่า สามารถทำได้ คอมพิวเตอร์จะเลือกคำถามที่สอง ที่ยากกว่าเดิม เล็กน้อย แต่ถ้าหาก ทำข้อแรกผิด คำถามที่สอง จะง่ายขึ้น ผลสอบนี้จะเป็นการปรับระดับให้ตรงกับผู้สอบนั่นเอง

Back To Top