fbpx
skip to Main Content

THE US OR THE UK?

ในปัจจุบันความนิยมไปเรียนต่อต่างประเทศมีมากขึ้นทุกปี การตัดสินใจเลือกประเทศจึงเป็นเรื่องสำคัญเพราะเป็นการตัดสินจากปัจจัยหลายๆอย่าง อาทิ ความชอบส่วนตัว  ความเหมาะสมทั้งด้านลักษณะส่วนตัวของผู้เรียน ค่าเรียน  โอกาส   ในการทำงาน อีกทั้งสิ่งแวดล้อมในการเรียนอื่นๆ ที่เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกประเทศทั้งสิ้น
ในบทความนี้ พี่ๆทีมงาน EFL Education for life  ได้นำเอา 2 ประเทศยอดนิยมอย่าง ประเทศอังกฤษและประเทศสหรัฐอเมริกาที่มักเป็น 2 ช้อยส์แรกที่น้องๆนิยมไปเรียนต่อกันมาเปรียบเทียบในด้านต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าแตกต่างในด้านการใช้ชีวิตและระบบการเรียนอย่างแน่น่อนค่ะ

ทำไม US และ UK จึงเป็นที่นิยม

การจัดอันดับของมหาวิทยาลัยตัวท็อป 200 ของโลก มากกว่าครึ่งคือมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในประเทศอังกฤษ และประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้งสองประเทศนี้มีระบบการศึกษาที่มาตรฐานและได้รับการยอมในระดับสากล อีกทั้งมีหลักสูตรแม่แบบอันยาวนานมาหลายปี ทำให้มีงบประมาณมากพอที่จะสนับสนุนการเรียนทั้ง เครื่องมือ อุปกรณ์ บุคลากรและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆแก่นักเรียน

ระยะเวลา

การเรียนในทั้งสหรัฐอเมริกาและประเทศอังกฤษนอกจากะมีหลักสูตรที่ค่อนข้างแตกต่างกันแล้ว ระยะเวลาที่ใช้ในการเรียนยังแตกต่างกันอีกด้วย โดยปกติระบบของอเมริกาจะใช้เวลานานกว่าอังกฤษ ซึ่งนักเรียนที่จบปริญญาตรีสามารถต่อปริญญาเอกได้ทันที แต่ตามธรรมเนียมของอังกฤษจะนิยมเรียนตามระดับขั้นคือ ปริญญาตรี ปริญญาโทและเอก

เวลาเปิดเทอม

มหาวิทยาลัยโดยส่วนใหญ่ในอเมริกาจะเปิดเรียนของภาคการศึกษาในช่วงปลายเดือนสิงหาคม แต่บางแห่งก็เปิดเรียนในช่วงหลังจากนั้น แล้วจะปิดเรียนช่วงกลางเดือนธันวาคมไปจนถึงกลางเดือนมกราคม ในขณะที่ในอังกฤษนั้นจะมีระบบที่ค่อนข้างแตกต่างกันไปในแต่ละมหาวิทยาลัย บ้างเปิดเรียนตั้งแต่เดือนกันยายน และบางส่วนเปิดเดือนตุลาคม ซึ่งระยะเวลาการปิดภาคเรียนในช่วงปีใหม่ท้ายปีอาจจะสั้นกว่าของอเมริกา และจบปีการศึกษาประมาณช่วงพฤษภาคมและเดือนมิถุนายนของทุกปี

กระบวนการสมัครเรียน

THE-US-OR-THE-UK-2017-02
มหาวิทยาลัยโดยส่วนมากของประเทศอังกฤษจะประกอบไปด้วยวิทยาลัยต่างๆรวมกัน นักเรียนจะเรียน กินข้าวและรู้จักกันจากแค่กลุ่มเพื่อนในวิทยาลัยเดียวกันเท่านั้น สำหรับการสมัครเรียนนั้นจะต้องสมัครตรงกับวิทยาลัยที่จะเข้าเรียนโดยตรงเอง ในขณะที่ปริญญาตรีจะสมัครผ่านระบบกลางของมหาวิทยาลัยที่สามารถสมัครครั้งละหลายๆวิทยาลัยได้ โดยเรียกระบบนี้ว่า UCAS หรือ Colleges Admission Service
THE-US-OR-THE-UK-2017-03
ในขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะเป็นการเรียนแบบกว้างอย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ นักเรียนจะลงเรียนวิชาทั่วไปก่อนในช่วงปีแรกแล้วสามารถเลือกเอกหรือสาขาวิชาที่สนใจเป็นพิเศษได้หลังจากจบปี 1 หรือแม้กระทั่งขึ้นปี 2 แล้วก็ตาม วิธีการนี้จะทหให้นักเรียนของมหาวิทยาลัยในอเมริกามีความรู้ที่กว้างขว้างกว่าในระบบอังกฤษ เพราะระบบอังกฤษจะเน้นการเรียนเจาะลึกกว่านั้นเอง อีกทั้งนักเรียนอเมริกายังสามารถเลือกเรียนวิชาเลือกที่ไม่ได้อยู่ในสาขาหรือสายที่เลือกได้อีกด้วย

เกรด และงานที่ได้รับมอบหมาย

ระบบของอเมริกานักเรียนจะได้รับมอบหมายงานเป็นโปรเจ็คงานเล็กๆ หรือการอ่านหนังสือตามที่กำหนด แม้กระทั่งการนำเสนอหน้าชั้นต่างๆ ที่จะมอบหมายให้นักเรียนได้ทำเรื่อยๆตลอดการเรียน บางครั้งเป็นสัปดาห์ละครั้งเป็นต้น ในขณะที่ประเทศอังกฤษ จะเป็นระบบการเรียนเชิงบรรยายมากกว่า โดยจะมีงานมอบหมายชิ้นต่อภาคเรียนมากกว่าต่อสัปดาห์ ซึ่งการให้เกรดก็แตกต่างกันทั้งคู่ ในประเทศอังกฤษบางครั้งหรือให้เกรดจากการสอบอย่างเดียว ในขณะที่อเมริกาจะให้เกรดจากหลากหลายชิ้นงาน แล้วรวมกับช่วงสอบปลายภาคเป็นต้น

ที่พัก

ประเทศอเมริกาอและอังกฤษจะมีหอพักในมหาวิทยาลัยให้นักเรียนเป็นปกติ มีเพียงบางแห่งที่อยู่ในพื้นที่จำกัดเท่านั้นที่ไม่ได้พักในมหาวิทยาลัย แต่มหาวิทยาลัยก็ยังมีหอพักนอกมหาวิทยาลัยที่รองรับโดยมหาวิทยาลัยเอง ประเทศอังกฤษนักเรียนโดยส่วนมากจะนิยมพักหอส่วนตัว ห้องละหนึ่งคนเท่านั้น ในขณะที่ในประเทศสหรัฐอเมริกาจะนิยมให้นักเรียนพักแบบแชร์ห้องพักกับรูมเมทหรือเพื่อนร่วมห้องนั้นเอง ซึ่งจะบังคับนักเรียนในช่วงปีแรกเท่านั้น หลังจากปีแรกนักเรียนสามารถเลือกพักได้ตามอัธยาศัย สำหรับเรื่องของการรับประทานอาหาร ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยส่วนมากจะมีมื้ออาหารรวมกัยที่พักให้ด้วย ซึ่งนักเรียนสามารถเลือกทานได้ตามความชอบจากโรงอาหารในมหาวิทยาลัย

ตารางเปรียบเทียบการเรียนประเทศอังกฤษ และอเมริกาแบบสรุป

อเมริกา อังกฤษ
ระยะเวลา ระดับปริญญาตรี: 4  years
ระดับปริญญาโท: 2  years
ระดับปริญญาเอก: 5-7  years or longer
ระดับปริญญาตรี: 3  years
ระดับปริญญาโท: 1  year
ระดับปริญญาเอก: 3  years
การเปิดเทอม เปิดเรียนเป็นภาคการศึกษา โดยปกติมีทั้ง 3 และ 4 เทอม ได้แก่ Spring, Summer, Fall, Winter เปิดเรียนเป็นภาคการศึกษา โดยปกติมีทั้ง 3 และ 4 เทอม เปิดเรียนต่างกันในแต่ละมหาวิทยาลัย
ระบบการจัดการของมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยจะแบ่งเป็นหลายๆโรงเรียนตามสาขาวิชา ที่อยู่ภายใต้การดูแลของมหาวิทยาลัยกลาง แต่ละโรงเรียนหรือคณะจะจัดการดูแลระบบของตัวเอง
รูปแบบการเรียน หลากหลาย นักเรียนลงได้ทุกวิชาที่สนใจ ลงวิชาเรียนได้แค่วิชาสาขาเท่านั้น
การเรียนแบบลึกหรือกว้าง กว้าง ลึก
งานที่ได้รับมอบหมาย การบ้านให้อ่านและเขียนอยู่ตลอดระยะเวลา การบ้านบ้างในแต่ละเทอม
ค่าเรียน สูง พอประมาณ
การให้เกรด จากผลงานทั้งหมดและการบ้านทุกชิ้น โดยส่วนมากจากคะแนนสอบปลายภาค
การกีฬา เน้นให้นักเรียนมีกิจกรรมทำร่วมกัน และยังมีทุนให้สำหรับนักกีฬาอีกด้วย โดยส่วนมากไม่ค่อยมีทุนให้กับนักกีฬา
การใช้ชีวิต ห้องพักกับรูมเมท มีหอนอกให้เช่นกัน พักเดี่ยว มีหอนอกให้เช่นกัน

อย่างไรก็ตามพี่ๆ EFL เขียนบทความนี้ขึ้นจากค่นิยมที่เห็นได้ชัดหรือเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมายาวนาน การได้ไปสัมผัสวิถีชีวิตของคนพื้นเมือง วัฒนธรรมที่แปลกใหม่ของแต่ละชาติย่อมทำให้เราได้เรียนรู้อะไรดีๆเสมอ น้องคสรเปิดใจให้กว้างแล้วเลือกประเทศที่ใช่จากความชอบของเรานะคะ หากต้องการคำแนะนำในการปฏิบัติตัวตอนอยู่ต่างประเทศหรือขั้นตอนก่อนเดินทาง ตลอดจนการเตรียมตัวเลือกประเทศที่ใช่ น้องๆสามารถโทรเข้ามาปรึกษาพี่ๆ EFL ได้เลยนะคะ


ข้อมูลเพิ่มเติม เรียนต่อป.ตรี (Bachelor) อเมริกา คลิ๊ก!!
ข้อมูลเพิ่มเติม เรียนต่อป.โท (Master) อเมริกา คลิ๊ก!!

ตัวแทนของมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการ บริการฟรีทุกขั้นตอน Tel. 02-129-3214, 091-742-5900 สมัครเรียน สมัครหอพักของมหาวิทยาลัย จองตั๋วเครื่องบิน รถรับ-ส่งสนามบิน รวมถึงเตรียมเอกสาร กรอกใบสมัคร On-line และทำการนัดหมายกับสถานฑูต อเมริกา แคนาดา ให้ฟรี
Back To Top