Skip to content

ลักษณะที่บอกว่าคุณเป็น New Yorker

New York เป็นหนึ่งในรัฐที่ใหญ่แห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นรัฐเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ มีประชากรหนาแน่น อีกทั้งยังมีนักท่องเที่ยวหลั่งใหลเข้ามาจำนวนมากในแต่ละปี ทำให้ขึ้นชื่อว่าเป็นรัฐตัวแทนความเป็นอเมริกาก็ว่าได้ แน่นอนว่าต้องเป็นรัฐโปรดปรานของหลายคน เรามาดูกันค่ะว่าลักษณะนิสัยแบบไหนนะ ที่บ่งบอกว่าคุณต้องไปอยู่ New York แล้วล่ะ  คุณเป็นคนนอนดึก ตื่นสาย เพราะคิดเสมอว่าเวลากลางคืนนั้นก็เหมือนแสงไฟที่มีเสน่ห์    คุณเป็นคนที่ทำอะไรหลายๆอย่างพร้อมกันได้ เช่น คุยโทรศัพท์ เดิน และกิน เพราะชาวนิวยอร์กนั้นมักอยู่กับความเร่งรีบที่สามารถ กินมอฟฟินในปาก เดินไปด้วยคุยโทรศัพท์ไปด้วย และยกมือขึ้นเรียกแท็กซี่ได้ทันที  ชอบเดิน ให้เดินไปไหนไม่เคยบ่น แต่ต้องอากาศน่าเดินนะ ไม่ร้อนไปหรือหนาวไป โดยเฉพาะเวลาที่ต้องรอคิวรถยาวๆ คุณจะเลือกเดินไปเองมากกว่าการต้องยืนรอเฉยๆ    ไม่ชอบสบตาคนที่ไม่รู้จัก เพราะในนิวยอร์กนั้นมีคนหลากหลายประเภทเดินอยู่ข้างทาง บางคนอาจขอเงิน บางคนแค่เดินสวนกัน การสบตากัน อาจทำให้โดนขอเงินได้  เคยชินกับความวุ่นวายมากเกินไป เมื่อต้องกลับไปอยู่บ้านเกิดหรือที่ๆเงียบสงบหน่อย จะรู้สึกไม่ชิน และรู้สึกหว่าเว้เกินไป เพราะคุณติดเสียงดัง และความวุ่นวายของเมืองนิวยอร์กไปแล้ว  คุณคิดว่าอาหารขึ้นชื่อของ New York อย่าง Junior Cheesecake, John’s pizza, Shake…

Read more

ไปอเมริกา แล้วช้อปปิ้งที่ไหนดี?

ไปอเมริกา แล้วช้อปปิ้งที่ไหนดี? น้องๆหลายคนที่กำลังเดินทางหรือแพลนไปเรียนต่อที่อเมริกา อาจสงสัยว่า ถ้าเป็นอเมริกาควรช้อปที่ไหนดี โดยปกตินั้น ในอเมริกาแต่ละเมืองจะมี shopping mall ประจำเมืองอยู่แล้ว จะเป็นแหล่งรวมของร้านค้าแบรนด์ต่างๆ จำนวนแบรนด์ที่มีก็จะขึ้นอยู่กับขนาดของห้างนั้นๆ หากอยากช้อปเยอะหน่อยแนะนำให้ไปเมืองที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยค่ะ เพราะว่าหากเป็นเมืองใหญ่จะมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ร้านค้าหรือแบรนด์ต่างๆก็จะมีให้เลือกเยอะกว่า หากไม่อยากไปเมืองใหญ่ก็สามารถเลือกซื้อสินค้าได้จากร้าน Drug stores หรือร้านขายยาแต่ขายมากกว่ายา อารมณ์ประมาณร้านสะดวกซื้อทั่วไปเลยค่ะ มีขายตั้งแต่อาหารจนถึงเครื่องสำอางค์และยารักษาโรคเลยค่ะ ในบทความนี้พี่ๆ Education for life ได้รวบรวมชื่อของห้างสรรพสินค้าที่หาได้โดยทั่วไปในอเมริกามาฝากกันค่ะ Shopping Mall   เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แบบ indoor ในแต่ละเมือง จะรวบรวมร้านค้าแบรนด์ต่างๆรวมกันในอาคารๆหนึ่ง โดยมีความคล้าย shopping mall ของบ้านเรามาก ที่มีทั้งร้านค้า ศูนย์อาหารและร้านค้าเล็กๆ ที่รายเรียงกันรอบตัวอาคาร อีกทั้งยังมี shopping center เป็นแหล่งรวมร้านค้าแบบ outdoor ที่ลูกค้าจะต้องเดินเข้าร้านแต่ละร้านที่เรียงกันรอบๆเอง 10 Shopping mall ที่มีชื่อเสียง   นอกเหนือจากนี้ยังมีแหล่งที่ Shopping อีกมากมาย   ขอบคุณข้อมูลจาก…

Read more

ความแตกต่างระหว่างคน East Coast กับ West Coast

ความแตกต่างระหว่างคน East Coast กับ West Coast สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่มากเป็นอันดับที่สามของโลก รองจากรัสเซียและจีน ประชากรก็มากเป็นอันดับต้นๆของโลก แน่นอนว่าจะต้องมีภูมิประเทศและภูมิอากาศที่แตกต่างกันทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก อีกทั้งยังมีประชากรที่หลากหลายเชื้อชาติ หลากหลากวัฒนธรรม และหลากภาษา ฝั่งตะวันออกและตะวันตกจึงมีข้อแตกต่างกันอยู่มาก เพราะมีภูมิประเทศที่ต่างกัน ทำให้วิถีชีวิตและการดำรงชีวิตแตกต่างกันออกไปเช่นกัน วันนี้พี่ๆ EFL จะพาน้องๆ ไปท่องอเมริกาทั้งสองฝั่งผ่านบทความนี้กันค่ะ ว่าจะแตกต่างกันสักเพียงใด ภูมิประเทศ สหรัฐอเมริกามีอาณาเขตทางตอนเหนือติดกับประเทศแคนาดา ทางฝั่งตะวันออกติดกับชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ทางทิศตะวันตกติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก ในขณะที่ทิศใต้นั้นติดกับประเทศเม็กซิโก ที่ราบชายฝั่งทะเลของชายฝั่งแอตแลนติกเปิดทางลึกเข้าไปในแผ่นดินจนถึงป่าไม้ผลัดใบ ในรัฐ Colorado ไกลออกไปทางตะวันตกเป็นเนิน Great Basin ภูเขา McKinley ของรัฐอลาสก้าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศ และในทวีปอเมริกาเหนือ ภูเขาไฟที่ยังมีชีวิตอยู่มีอยู่ทั่วไปในเขตอเล็กซานเดอร์และเกาะ Aleutian ของอลาสกา และฮาวายประกอบไปด้วยเกาะภูเขาไฟ สุดยอดภูเขาไฟที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนในเทือกเขาร็อกกี้ เป็นลักษณะภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดของทวีป การดำรงชีวิตของทั้งสองฝั่ง การพูด ชาวอเมริกันในแต่ละเขตจะมีสำเนียงอาจพูดที่ต่างกันตรง dialect หรือ ภาษาถิ่นของคนกลุ่มนั้นๆ อย่างเช่นผู้คนทางตอนใต้ของอเมริกา จะมีสำเนียงที่เป็นเอกลักษณ์ ความเร็วในการพูดจึงแต่งต่างกันออกไปเช่นกัน คนทางฝั่งตะวันออกจะพูดเร็วกว่าคนทางฝั่งตะวันออก อาจจะเป็นเพราะวิถีชีวิตที่ต่างกันของคนทั้งสองฝั่งที่กล่าวไปข้างต้น สภาพอากาศ เนื่องจากสหรัฐอเมริกามีขนาดใหญ่และมีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์…

Read more

10 สัญญาณที่บอกว่า คุณต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ

การเรียนต่อต่างประเทศมักเป็นฝันของหลายๆคนเสมอ เพราะการได้มีโอกาสไปเรียนต่อ ไปใช้ชีวิตเพื่อสัมผัสวิถีชีวิตของคนที่นั้น เป็นการได้ลิ้มรสอะไรใหม่ๆของชีวิต แต่อะไรหละที่บอกว่า คุณพร้อมแล้วที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศ ร่างกาย และหัวใจคุณส่งสัญญาณอะไรเพื่อบอกคุณหรือเปล่า เพื่อช่วยคุณตัดสินใจ  Education for life ได้รวบรวม 10 สัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่าคุณต้องไปเรียนต่อต่างประเทศแล้ว หากร่างกายและหัวใจคุณส่งสัญญาณต่อไปนี้ รีบหยิบพาสปอร์ตแล้วเตรียมแพ็คกระเป๋าได้เลยค่ะ    คุณหมกหมุ่นกับทุกอย่างของประเทศนั้น ทั้งรายการทีวี เพลง ละคร ถ้ารู้สึกว่าการได้เสพสิ่งเหล่านี้มากกว่าแค่ได้ประโยชน์ในการเรียนภาษาจากมัน แสดงว่าคุณเหมาะแล้วที่จะไปใช้ชีวิตที่ประเทศนั้นจริงๆ    คุณอยากรู้ทุกอย่างของประเทศนั้นแบบไม่รู้จักพอ ทั้งวัฒนธรรมและภาษา คุณไม่เคยรู้สึกเหนื่อยหรือเบื่อหน่ายที่จะเรียนรู้เลย คุณกลับคิดว่ามันคือส่วนหนึ่งของชีวิตคุณไปแล้ว    คุณหมกมุ่นกับมันมาก แม้กระทั่งในความฝันของคุณ คุณฝันเป็นภาษาของประเทศนั้นไปแล้ว เลเวลระดับนี้เกิดขึ้นกับทุกคนที่ใช้ภาษาๆหนึ่งจนคล่องหรืออยู่ในสังคมที่มีสิ่งแวดล้อมที่ใช้แต่ภาษานี้    มีความรู้แค่ภาษาเดียวไม่เคยพอสำหรับคุณ คุณรู้สึกว่าการเรียนภาษาใหม่ก็เปรียบเสมือนการเปิดโลกใบใหม่ให้กับคุณเอง คุณเชื่อเสมอว่าแต่ละภาษาย่อมแตกต่างกัน และคุณก็ใฝ่ฝันที่จะรู้มากกว่าแค่ 1 ภาษา    นอกจากจะเรียนภาษาใหม่ของประเทศนั้นๆแล้ว อาหารก็เป็นอีกอย่างนึงที่คุณรู้สึกว่าต้องลองและลิ้มรสสัมผัสให้ได้ เพราะคุณเชื่อว่าการชิมอาหารของประเทศนั้นจะทำให้คุญเข้าถึงวัฒนธรรมของประเทศนั้นได้ดียิ่งขึ้นไปอีก    คุณเป็นคนอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับชีวิตของผู้คนรอบโลกมาก อยากรู้การเป็นอยู่ของพวกเขา อยากรู้วัฒนธรรมแปลกๆใหม่ๆ ที่คุณรู้สึกว่ามันทำให้คุณเปิดโลกกว้าง ยิ่งถ้าได้ไปในเมืองที่มีแต่คนแปลกหน้าแปลกภาษาแล้วละก็คุณจะมีความสุขอย่างยิ่ง สิ่งนี้เองก็ทำให้คุณมีนิสัยเปิดกว้างยอมรับสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ    คุณมีสถานที่ในฝันที่อยากไป กิจกรรมในฝันที่อยากทำ ไว้ในหัวหมดแล้วเพราะคุณใฝ่ฝันที่จะไปประเทศนั้นมาก…

Read more

เตรียมตัวอย่างไรให้สัมภาษณ์วีซ่าอเมริกาผ่าน

โดยทั่วไปแล้วชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาจะต้องมีวีซ่า ไม่ว่าจะเป็นวีซ่าชั่วคราวสำหรับการพำนักในประเทศสหรัฐอเมริกาแบบชั่วคราว หรือวีซ่าถาวรสำหรับการย้ายถิ่นฐานถาวรก็ตาม บุคคลที่ถือสัญชาติของประเทศที่ได้รับการรับรองอาจจะสามารถเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาได้โดยไม่ต้องมีวีซ่าภายใต้โปรแกรมยกเว้นการขอวีซ่า แต่สำหรับประเทศไทยไม่มีคุณสมบัติตามโปรแกรมยกเว้นการขอวีซ่า หากต้องการเดินทางเพื่อศึกษาต่อ ทำงาน เข้าร่วมในโครงการแลกเปลี่ยน จะต้องยื่นคำร้องขอวีซ่าอยู่ชั่วคราวในแต่ละประเภทซึ่งขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการเดินทาง ประเภทของวีซ่าอเมริกา ขั้นตอนการยื่นขอวีซ่าอเมริกา ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาประเภทวีซ่าที่ต้องขอ สำหรับผู้ยื่นคำร้องขอวีซ่าชั่วคราว จะต้องศึกษาประเภทวีซ่าที่ต้องขอ เพราะแต่ละประเภทจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติและเอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นคำร้องต่างกัน จะต้องเลือกประเภทวีซ่าที่ตรงกับวัตถุประสงค์ในการเดินทาง ขั้นตอนที่ 2 กรอกฟอร์มสมัครขอวีซ่าทางออนไลน์ (DS-160 Form) ขั้นตอนต่อไปก็คือการกรอกแบบฟอร์ม DS-160 ให้เสร็จสมบูรณ์ ข้อมูลทั้งหมดที่กรอกจะต้องถูกต้องและเป็นความจริง เมื่อยื่นแบบฟอร์มแล้วจะไม่สามารถทำการเปลี่ยนแปลงใดๆได้อีก เมื่อกรอกและยื่นแบบฟอร์มเสร็จแล้ว จะได้รับหมายเลขยืนยันแบบฟอร์ม DS-160 ซึ่งจะต้องใช้เพื่อจองนัดสัมภาษณ์ ขั้นตอนที่ 3 ชำระเงินค่าขอวีซ่า เมื่อกรอกแบบฟอร์ม DS-160 เสร็จแล้ว ผู้สมัครต้องชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าโดยเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์นัดสัมภาษณ์วีซ่าตอบคำถามข้อมูลเบื้องต้น หลังจากนั้นหน้าจอจะแสดงรายละเอียดของประเภทวีซ่าและค่าธรรมเนียมสำหรับวีซ่าแต่ละประเภทในสกุลเงินเหรียญสหรัฐและสกุลเงินท้องถิ่น ในการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า โปรดศึกษาข้อมูลที่หน้าธนาคารและวิธีชำระค่าธรรมเนียม  ซึ่งจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนในการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า จะต้องสร้างโปรไฟล์และเก็บหมายเลขใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียมวีซ่าไว้เพื่อทำการจองนัดสัมภาษณ์ในภายหลัง ขั้นตอนที่ 4 ในขั้นตอนนี้จะต้อง ล็อกอิน เข้าโปรไฟล์ด้วยรหัสอ้างอิงเดียวกับที่ใช้ตอนที่ชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า เมื่อเข้าสู่ระบบแล้วจะพบหน้าจอที่แสดงข้อมูลเฉพาะ จะเริ่มต้นขั้นตอนทำนัดสัมภาษณ์วีซ่าได้ โดยจะต้องกรอกข้อมูล หมายเลขหนังสือเดินทาง หมายเลขใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียมวีซ่า หมายเลขบาร์โค้ดสิบ…

Read more

เรียนต่อปริญญาเอกที่สหรัฐอเมริกา

การเรียนต่อในระดับปริญญาเอกในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ถือได้ว่าเป็นการเรียนที่ทั้งยากและแพง เพราะค่าเรียนเฉลี่ยต่อปีต้องใช้เงินจำนวน 1-2 ล้าน การใช้ทุนส่วนตัวเรียนเองจึงจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก ดังนั้นการหาทุนจึงเป็นอีกทางเลือกนึงที่จะช่วยลดค่าเรียนได้บ้าง บทความนี้ Education For Life ได้รวบรวมข้อมูลรายละเอียดการเรียนต่อปริญญาเอกของอเมริกา และการเตรียมตัว ตลอดถึงทุนที่นักเรียนที่สนใจสามารถสมัครได้ค่ะ ปริญญาเอกในสหรัฐอเมริกาเรียนอะไรบ้าง ?  โดยปกติหลักสูตรปริญญาเอกทั่วไปใช้เวลาขั้นต่ำ 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับประเทศนั้นๆ สำหรับปริญญาเอกในอเมริกาจะเป็นหลักสูตร 5 ปี โดยแบ่งเป็น Coursework หรือการเข้าห้องเรียนก่อนในช่วง 2 ปีแรกเพื่อเป็นการเรียนทฤษฏีต่างๆ และ 3 ปีหลังจึงเป็นการทำวิจัยหรือ thesis ที่เป็นหัวใจหลักของการเรียนปริญญาเอก ในช่วงเวลานี้เองที่นักเรียนจะได้ผลึกความรู้ทุกอย่างที่เรียนมาเพื่อทำวิจัยชิ้นนี้ขึ้น ความรู้อันลึกซึ้งในสาขาที่จะเรียนต่อ หากนักเรียนสนใจที่จะเรียนต่อสาขานั้น การมีความรู้ที่เข้าใจอย่างลึกซึ้งจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก หัวข้อวิจัย นักเรียนจะต้องมีหัวข้อที่อยากทำวิจัยอยู่ก่อนแล้ว แล้วทำการร่าง Research Proposal ขึ้นมาแล้วส่งให้อาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่นักเรียนสนใจอ่าน หากหัวข้อโดนใจอาจารย์หรือเป็นหัวข้อที่มีเงินสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยนั้นๆพอดี ก็จะได้รับการตอบรับให้เข้าเรียนในระดับปริญญาเอก ภาษา เกณฑ์การรับสมัครในการเรียนต่อปริญญาเอกทั่วไป ไม่ต่างกับปริญญาโทมากนัก คือ IELTS 5 คะแนนในแต่ละส่วนไม่ต่ำกว่า 6 หรือผล TOEFL…

Read more

มาทำความรู้จัก Fulbright ทุนรัฐบาลสหรัฐอเมริกา

มาทำความรู้จัก Fulbright Scholarship ทุนรัฐบาลสหรัฐอเมริกา น้องๆที่สนใจเรียนต่ออเมริกาแต่ไม่มีงบมากพอที่จะจ่ายค่าเทอมที่ช่างแพงซะเหลือเกิน การสมัครทุนจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับน้องๆ หากพูดถึงทุนเต็มจำนวนของอเมริกาคงไม่มีใครไม่รู้จักทุน Fulbright Scholarship หรือทุนของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา บทความนี้พี่ๆ Education For Life ได้นำเอาข้อมูลของทุนนี้ซึ่งเป็น ทุนที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทุกอย่าง!!! มาฝากกันจ้า >What is Fulbright Scholarship? Fulbright Scholarship หรือทุนรัฐบาลสหรัฐ ที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อให้นักเรียนจากทั่วโลกได้มีโอกาสเข้าเรียนต่อในประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก โดยครอบคลุมค่าใช้จ่ายตั้งแต่ Fulbright Scholarship ก่อตั้งขึ้นได้อย่างไร ข้อดีของทุน Fulbright Scholarship  ผู้ได้รับทุน ไม่ต้องใช้ทุนคืน  คนที่ได้รับทุนจะต้องกลับมาทำงานในประเทศไทย ยังไม่สามารถทำงานในอเมริกาต่อได้  มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับประเทศอเมริกา และสามารถทำกิจกรรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกันได้ คุณสมบัติ ของผู้ที่จะขอ Fulbright Scholarship นับถือสัญชาติไทย มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยในประเทศไทย มีผลการเรียนเฉลี่ย 3.0 ผลคะแนนภาษา TOEFL 550 PBT / 213 CBT / 80 iBT อยู่ในประเทศไทย ณ…

Read more

เรียนต่อ NEW YORK มหานครที่ไม่เคยหลับใหล

New York มหานครที่ไม่เคยหลับใหล หากพูดถึงประเทศสหรัฐอเมริกา เมืองแรกที่นึกถึงคงไม่พ้น New York มหานครที่ไม่เคยหลับใหล เมืองแห่งสีสัน เมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของโลก สถานที่ที่โด่งดังที่สุดและเป็นสวรรค์ของเหล่านัก Shopping เพราะเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของโลก ที่รวบรวมร้านค้ายอดนิยมและแบรนด์สินค้าชื่อดังจำนวนมาก วันนี้พี่ๆ Education For Life จะพาน้องๆไปทำความรู้จักกับ New York เมืองยอดฮิตเมืองนี้ผ่านบทความนี้กันค่ะ ทำไมต้อง New York ?? New York เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาและเป็นเมืองที่เจริญที่สุดในโลก New York ได้รับการขนานนามว่าเป็นมหานครเอกของโลก จัดได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน วัฒนธรรม บันเทิง ที่สำคัญที่สุดของโลก New York เป็นเมืองที่มีตึกระฟ้า ตึกสูงอยู่มาก ตลอดระยะเวลา 150 ปี และยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ และบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกอีกหลายแห่ง ที่ทำให้ที่นี่เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาเยี่ยมชม มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงใน New York สถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดใน New York >> หากไป New York เราจะไม่ไป Central Park ก็ถือเป็นความน่าเสียดายอย่างสูงเพราะ Central Park…

Read more

ก้าวแรกของมหาวิทยาลัยกับ Community College

COMMUNITY COLLEGE Community College ระบบการศึกษาในอเมริกามีตัวเลือกมากมายให้นักเรียนได้เลือกเรียน มีหลากหลายระบบเพื่อรองรับนักเรียนให้ได้เข้าเรียนได้เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างมาก วันนี้พี่ๆ EFL ขอนำเสนออีกหนึ่งทางเลือกสำหรับน้องๆมัธยมให้ได้รู้จักกับคำว่า Community College หรือวิทยาลัยชุมชุน ของอเมริกานั้นเองค่ะ What is community college? Community College หรือที่รู้จักกันดีในชื่อไทยว่า วิทยาลัยชุมชุน เป็นระบบการเรียนในอเมริกาที่ให้นักเรียนที่จบระดับมัธยมศึกษาสามารถเข้าเรียนได้ ด้วยระยะเวลา 2 ปี หลังจากนั้นสามารถโอยหน่วยกิตที่เรียนไปยังมหาวิทยาลัยปลายทางได้ ซึ่งเข้าเรียนแบบนี้เป็นที่นิยมกันอย่างมากในอเมริกา นักเรียนอเมริกันจำนวนกว่า 80 เปอร์เซ็นต์เลือกเรียนที่วิทยาลัยชุมชุน เพื่อให้สามารถจบจากมหาวิทยาลัยระดับท๊อปได้ ตารางเปรียบเทียบ Community College กับมหาวิทยาลัยโดยทั่วไป Community College Experience 4-year University Experience Money ประหยัดค่าใช่จ่ายกว่าในช่วง 2 ปีแรกที่เรียนใน Community College ค่าเทอมเฉลี่ยอยู่ที่ $29,000 ต่อปีรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆในมหาวิทยาลัย หากเข้ามหาวิทยาลัยทั่วไป ค่าเรียนเฉลี่ยอยู่ที่ $40,000 ต่อปีรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆในมหาวิทยาลัย Classroom ระหว่างเรียนกับ …

Read more

เรียนต่อ Chicago กับสถาปัตยกรรมอันล้ำสมัย

“เรียนต่อเมือง CHICAGO กับสถาปัตยกรรมอันล้ำสมัย“ ประเทศอเมริกาเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติและศาสนา โดยเฉพาะเมืองใหญ่หลายๆแห่งทั่วประเทศที่มีประชากรจากทั่วโลกอาศัยอยู่จำนวนมาก หากพูดถึงเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของอเมริกา คงหนีไม่พ้น New York แต่อีกเมืองที่ถือได้ว่าเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญ อีกแห่งก็คือเมือง Chicago เป็นเมืองที่น่าสนใจเพราะมีความทันสมัย และมีสถาปัตยกรรมอันสวยงาม Location >> ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว เมือง Chicago ยังมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นซึ่งสามารถเห็นได้จากอาคารและตึกต่างๆที่ถูกออกแบบและสร้างสรรค์มาอย่างดี ทำให้ทั้งเมืองเป็นเมืองสถาปัตยกรรมที่สวยงามอีกเมืองหนึ่งเลย ทำไมควร เรียนต่อ Chicago >> ควรเรียนต่อ Chicago เพราะเป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มีระบบการขนส่งสาธารณะที่ดีที่สุดของประเทศ ควรเรียนต่อ Chicago เพราะเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกได้แก่ University of Illinois, Chicago ที่มีชื่อเสียงด้านแพทยศาสตร์และเภสัชศาสตร์ และ Illinois Institute of Technology ที่มีชื่อเสียงในด้านวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ และ School of the Art Institute of Chicagoที่มีชื่อเสียงทางด้านศิลปะอันดับต้นของประเทศ จึงไม่แปลกใจที่คนส่วนใหญ่จะนิยมไปเรียนต่อ Chicago ควรเรียนต่อ Chicago เพราะเป็นศูนย์กลางทางด้านความเจริญ การเงิน…

Read more
Back To Top